สำหรับบทสวดมนต์อิติปิโส เป็นบทสวดมนต์ที่ชาวพุทธส่วนใหญ่จะสวดได้โดยไม่ต้องเปิดหนังสือสวดมนต์ บทสวดที่มีอานิสงส์มากมาย และหลายคนมักจะสวดมนต์บทนี้ก่อนทำสมาธิ
อานิสงส์ของบทสวดมนต์อิติปิโส นั้น เชื่อกันว่ามีอยู่มากมาย ดังนี้
- เสริมดวงชะตา การสวดบทสวดอิติปิโสเป็นประจำ เชื่อว่าจะช่วยเสริมดวงชะตาให้ดีขึ้น แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง ประสบแต่ความสุขความเจริญ
- สะเดาะเคราะห์ การสวดบทสวดอิติปิโส เชื่อว่าจะช่วยสะเดาะเคราะห์กรรม แก้ดวงตก ช่วยให้ชีวิตดีขึ้น
- เสริมสร้างสมาธิ การสวดบทสวดอิติปิโส จะช่วยฝึกสมาธิ ทำให้จิตใจสงบ มั่นคง คิดอ่านอะไรก็รอบคอบ
- คุ้มครองป้องกันภัย การสวดบทสวดอิติปิโส เชื่อว่าจะช่วยคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง แคล้วคลาดจากอุบัติเหตุ โรคภัยไข้เจ็บ
- เสริมสร้างบารมี การสวดบทสวดอิติปิโส เชื่อว่าจะช่วยเสริมสร้างบารมี เจริญในชีวิต
- ช่วยให้จิตตั้งมั่น และเพิ่มกำลังสติ ในบางคนที่ไม่สามารถเริ่มทำสมา่ธิได้ การสวดมนต์เป็นการทำจิตให้อยู่ในอารมณ์อันเดียวไม่ได้ต่างจากการทำสมาธิ หรือในบางคนสวดมนต์ก่อนเริ่มทำสมาธิจะช่วยลดความฟุ้งซ่านได้
นอกจากนี้ การสวดบทสวดอิติปิโส ยังเป็นการฝึกฝนจิตใจให้เกิดความเมตตากรุณา รู้จักละวางความโลภ ความโกรธ ความหลง ช่วยให้จิตใจสงบ เบิกบาน มีความสุข
วิธีการสวดบทสวดอิติปิโส นั้น สามารถทำได้โดยตั้งจิตให้สงบ ระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฑ์ แล้วค่อย ๆ ออกเสียงตามบทสวด แนะนำให้สวดเป็นประจำทุกวัน อย่างน้อยวันละ 1 จบ จะช่วยให้เกิดอานิสงส์ตามที่กล่าวมาข้างต้น
สำหรับอานิสงส์ที่จะได้รับนั้น ขึ้นอยู่กับความเชื่อและความศรัทธาของแต่ละบุคคล บางคนอาจได้รับอานิสงส์เร็ว บางคนอาจต้องใช้เวลานานขึ้น แต่หากผู้สวดมีจิตใจที่บริสุทธิ์ ตั้งมั่นในการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ย่อมจะได้รับอานิสงส์อย่างแน่นอน
วิธีสวดบทสวดอิติปิโส
การสวดบทสวดอิติปิโสนั้น สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา โดยเริ่มจากตั้งจิตให้สงบ ระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย และท่องบทสวดอิติปิโสตามจำนวนที่ตั้งใจไว้
จำนวนที่นิยมสวดอิติปิโส มีดังนี้
- สวด 3 จบ
- สวด 9 จบ
- สวดตามอายุของตนเองบวกหนึ่ง
- สวด 108 จบ
บทสวดมนต์อิติปิโส
อิติปิ โส ภะคะวา (เพราะเหตุอย่างนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น)
อะระหัง (เป็นผู้ไกลจากกิเลส)
สัมมาสัมพุทโธ (เป็นผู้ตรัสรู้ชอบโดยพระองค์เอง)
วิชชาจะระณะสัมปันโน (เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ)
สุคะโต (เป็นผู้ไปแล้วด้วยดี) โลกะวิทู (เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง)
อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ (เป็นผู้สามารถฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้ อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า)
สัตถา เทวะมนุสสานัง (เป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย)
พุทโธ (เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม)
ภะคะวาติ. (เป็นผู้มีความจำเริญจำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์ ดังนี้)
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม (พระธรรม เป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว)
สันทิฏฐิโก (เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติ พึงเห็นได้ด้วยตนเอง)
อะกาลิโก (เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ และให้ผลได้ไม่จำกัดกาล)
เอหิปัสสิโก (เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกับผู้อื่นว่า ท่านจงมาดูเถิด)
โอปะนะยิโก (เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว)
ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ. (เป็นสิ่งที่ผู้รู้ พึงรู้ได้เฉพาะตน ดังนี้ ฯ)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ (สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติดีแล้ว)
อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ (สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติตรงแล้ว)
ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ (สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว)
สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ (สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติสมควรแล้ว)
ยะทิทัง (ได้แก่บุคคลเหล่านี้คือ) จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา (คู่แห่งบุรุษสี่คู่ นับเรียงตัวได้แปดบุรุษ)
เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ (นั่นแหละ สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า)
อาหุเนยโย (เป็นผู้ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา)
ปาหุเนยโย (เป็นผู้ควรแก่สักการะที่จัดไว้ต้อนรับ)
ทักขิเณยโย (เป็นผู้ควรรับทักษิณาทาน)
อัญชะลีกะระณีโย (เป็นผู้ที่บุคคลทั่วไปควรทำอัญชลี)
อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ. (เป็นเนื้อนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ดังนี้)