รู้จักหินอ่อน
หินอ่อน
เป็นหินแปรชนิดหนึ่งซึ่งประกอบไปด้วย แร่แคลไซต์หรือโดโลไมต์เกือบทั้งหมด หรืออาจกล่าวได้ว่าหินอ่อน คือ หินปูนที่มีการตกผลึกใหม่โดยได้รับอิทธิพลจากความร้อนและแรงกดดัน จึงทำให้หินอ่อนมีเนื้อที่แน่นแกร่งขึ้น เนื่องมาจากการจับตัวที่ประสานกันเป็นอย่างดี เมื่อนำมาใช้งานด้วยการตัดและขัดมันจะให้ความสวยงาม หากหินเดิมมีความบริสุทธิมากเนื้อของหินอ่อนก็จะมีสีขาว แต่โดยทั่วไปนั้นมักพบว่ามีการเจอปนของแร่ชนิดอื่นๆ ด้วยเสมอ จึงทำให้หินอ่อนมีสีต่างกันออกไป เช่น หินอ่อนสีดำเกิดจากอินทรีย์สาร หินอ่อนสีเขียวเกิดจากแร่ไดออฟไซต์ฮอร์นแบรนด์ เซอร์เพนทีน หรือทัลก์ หินอ่อนสีน้ำตาลเกิดจากไลไมไนต์ หินอ่อนสีแดงเกิดจากเหล็กแดงเฮมาไทต์ เป็นต้น
หินอ่อน ถูกจัดให้เป็นแร่ชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถพบได้มากมายหลายพื้นที่ทั่วประเทศ หินอ่อนที่ผลิตในประเทศไทยส่วนใหญ่จะนิยมใช้ภายในประเทศมากกว่าการส่งออกไปขายยังต่างประเทศ โดยสามารถนำหินอ่อนไปใช้ประโยชน์ในการก่อสร้างตกแต่งภายในและภายนอกบ้านเรือน อาคารสำนักงานต่างๆ เพราะหินอ่อนมีลวดลายที่สวยงามแข็งแกร่งและทนทาน สามารถดูดเก็บความเย็นได้ดี ทำให้ห้องที่มีการปูตกแต่งด้วยหินอ่อนให้ความรู้สึกที่เย็นสบายกว่า
แหล่งแร่หินอ่อนพบกระจายตัวทั่วทุกภาคของไทย แต่ปัจจุบันมีผู้ได้รับประทานบัตรเหมืองหินอ่อน รวมทั้งสิ้น 159 แปลง เป็นประทานบัตรเปิดการ 71 แปลง และประทานบัตรปิดการ 88 แปลง โดยมีแหล่ง อยู่ในเขตพื้นที่ 19 จังหวัด ดังนี้
ภาคเหนือ ในเขตพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร ลำปาง ลำพูน นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ สุโขทัย ตาก อุทัยธานี และอุตรดิตถ์
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในเขตพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา
ภาคกลาง ในเขตพื้นที่จังหวัดชัยนาท กาญจนบุรี ลพบุรี เพชรบุรี ปราจีนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สระแก้ว และสระบุรี
ภาคใต้ ในเขตพื้นที่จังหวัดยะลา
แหล่งหินอ่อนที่มีคุณภาพดีมีไม่มากนัก โดยพบมากที่พื้นที่ เช่น แหล่งเขางอบ จังหวัดสระบุรี แหล่งอำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร แหล่งอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา และแหล่งอำเภอเมือง อำเภอมันนังสตา จังหวัดยะลา
หินอ่อนที่ได้จากการผลิตในประเทศส่วนใหญ่ก็เพื่อใช้งานในประเทศเท่านั้น ส่วนการส่งออกหินอ่อนมีเพียงเล็กน้อยแต่เป็นส่วนของผลิตภัณฑ์หินอ่อนเป็นส่วนใหญ่ ประมาณ 95% ของหินอ่อนมักนำไปใช้ในงานก่อสร้าง เช่น ปูพื้น บุผนัง ตามปูชนียสถานสำคัญๆ ตามอุโบสถของวัดวาอาราม ตลอดจนอาคารบ้านเรือน ที่พักอาศัยและสำนักงาน ส่วน 5% ที่เหลือนั้น มักนำไปแปรรูปเป็นเฟอร์นิเจอร์ ของประดับ ตกแต่งอาคารและของที่ระลึกต่างๆ เช่น โต๊ะอาหาร ที่วางของโต๊ะทำงาน แจกัน ที่เขี่ยบุหรี่ และอีกหลายอย่าง